ตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนา(ชื่อผลงานของท่าน)ดังนี้ 1. วิเคราะห์หาค่าความพึงพอใจของผู้ใช้(ชื่อผลงานของท่าน) โดยหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบสอบถามทั้งฉบับ 2. ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม นำมาแจกแจงความถี่และค่าร้อยละ 3. ข้อมูลที่เป็นแบบมาตราส่วน คำนวณค่าเฉลี่ย (χบาร์) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S. D) แต่ละข้อนำมาเทียบกับเกณฑ์ แปลความหมาย ดังนี้ ค่าเฉลี่ย 4. 51 – 5. 00 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจอย่างยิ่ง ค่าเฉลี่ย 3. 51 – 4. 50 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจมาก ค่าเฉลี่ย 2. 51 – 3. 50 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1. 51 – 2. 50 หมายถึง มีระดับความไม่พึงพอใจ ค่าเฉลี่ย 0. 00 – 1. 50 หมายถึง มีระดับความไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง 4. ข้อมูลที่เป็นคำถามปลายเปิดและการสัมภาษณ์ เก็บรวบรวมเป็นข้อเสนอแนะ 5. เพื่อตรวจสอบความชัดเจน เข้าใจง่าย และความสอดคล้องของเนื้อหาของข้อคำถาม โดยวิเคราะห์หาจากดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ (Index of Item Objective Concurrence: IOC) โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ดาวน์โหลดเอกสาร ตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูล ได้ที่นี่ รบกวนคลิกให้คะแนนโพสต์นี้ด้วยครับ [รวม: 0 เฉลี่ย: 0]
แบบสอบถามนั้นต้องส่งไปให้ผู้ตอบพร้อมจดหมายนำ ซึ่งในจดหมายนำต้องกล่าวโดยละเอียดถึงจุดมุ่งหมายของการสอบถาม ความปลอดภัยของผู้ตอบ ความสำคัญของผู้ตอบและการตอบโดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 2. เลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมสำหรับผู้ตอบแบบสอบถาม 3. ให้ระยะเวลาแก่ผู้ตอบพอสมควร 4. คำนึงถึงความประณีต สวยงามของตัวแบบสอบถาม เพื่อชักจูงให้ผู้ตอบสนใจอ่านแล้วตอบ 5. การทดสอบก่อนนำไปใช้จริง ต้องทำกับกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะเหมือนกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย แต่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน 6. การส่งจดหมายตามในกรณีที่ผู้ตอบไม่ส่งแบบสอบถามคืน ควรเว้นระยะให้พอเหมาะและอาจส่งแบบสอบถามชุดใหม่แนบไปด้วย 7. ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่อาจมีอิทธิพลต่อการส่งคืน ความยาวของแบบสอบถาม คุณภาพของข้อคำถาม ความสะดวกในการส่งคืน 8. ต้องมีแผนสำหรับแบบสอบถามที่ส่งคืนมาอย่างไม่สมบูรณ์ เป็นต้นว่า ตอบไม่ครบทุกข้อ ตอบคำว่าใช้ทั้งหมด หรือไม่ใช้ทั้งหมด คำตอบที่ตอบเป็นกลาง ๆ ไม่รู้ เฉย ๆ เหล่านี้จะนับรวมในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยหรือไม่ 9. แบบสอบถามที่ส่งไปควรพยายามให้ได้กลับคืนอย่างน้อยที่สุดประมาณ 50% อาจจะต้องส่งจดหมายพร้อมทั้งแบบสอบถามไปให้ถึง 3 ครั้ง 10. ข้อควรระวังในกรณีที่แบบสอบถามนี้ไม่ได้ให้ผู้ตอบกรอกชื่อ แต่ผู้วิจัยทำเครื่องหมายไว้เพื่อสะดวกเวลาติดตาม ถ้าเครื่องหมายนั้นเป็นที่สังเกตได้ชัดเจนอาจทำให้ผู้ตอบระแวงว่าจะมีผลร้ายเกิดขึ้นแก่ตัวเขา ผู้วิจัยอาจไม่ได้รับความร่วมมือในการตอบได้ ข้อดีและข้อเสีย ข้อดี: 1.
6. แบบสอบถาม ความหมาย แบบสอบถามเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในหมู่นักวิจัย ทั้งนี้เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและสามารถใช้วัดได้อย่างกว้างขวาง อันจะทำให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงทั้งในอดีต ปัจจุบัน และการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งแบบสอบถามส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของคำถามเป็นชุดๆ เพื่อวัดสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการจะวัด โดยมีคำถามเป็นตัวกระตุ้นเร่งเร้าให้บุคคลแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา โครงสร้างของแบบสอบถาม ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ดังนี้ 1. หนังสือนำหรือคำชี้แจง ส่วนแรกของแบบสอบถามจะเป็นคำชี้แจงซึ่งอาจมีจดหมายนำอยู่ด้านหน้า พร้อมคำขอบคุณ ในคำชี้แจงนั้นมักจะระบุถึงจุดประสงค์ที่ให้ตอบแบบสอบถาม การนำคำตอบที่ได้ไปใช้ประโยชน์ คำอธิบายลักษณะของแบบสอบถาม วิธีการตอบแบบสอบถามพร้อมตัวอย่าง พร้อมทั้งจบลงด้วยชื่อและที่อยู่ของผู้วิจัย 2. ส่วนที่เป็นคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว คำตอบที่ได้จะเป็นข้อเท็จจริงของผู้ตอบแบบสอบถาม เช่น คำถามเกี่ยวกับเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ ฯลฯ การที่จะถามข้อมูลส่วนตัวอะไรบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับกรอบแนวความคิดในการวิจัย โดยดูว่าตัวแปรที่สนใจจะศึกษานั้นมีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เพื่อที่จะถามเฉพาะข้อมูลส่วนตัวในเรื่องนั้นๆ เท่านั้น 3.