5% Uber ลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปราว $700 ล้านเหรียญ และครั้งนี้จะได้หุ้น Grab มูลค่าราว $1, xxx ล้านเหรียญ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังไม่มีผลอะไรกับคนขับ โดยยังสามารถรับงานได้ตามปกติ แต่แอปพลิเคชัน Uber จะสามารถใช้งานได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2561 และคนขับจำเป็นต้องลงทะเบียนกับ Grab ใหม่อีกครั้ง แต่สำหรับลูกค้า Uber จะถูกย้ายฐานข้อมูลมาอยู่ Grab โดยอัตโนมัติ ที่มา – grab หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่ Twitter: @yugioh2500
9 แสนล้านบาท ปี 2017 รายได้ 2. 3 แสนล้านบาท ขาดทุน 1.
SoftBank เป็นผู้ที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปหลายแห่ง รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Grab และ Uber นอกจากนั้น SoftBank ยังลงทุนในสตาร์ตอัปที่ให้บริการเรียกรถ (Ride-hailing) อีกหลายบริษัท OLA จากอินเดีย Didi Chuxing จากจีน 99 จากบราซิล การรวมกันของ Grab และ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดูเหมือนว่าจะส่งผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย Grab ได้ฐานลูกค้าจาก Uber รวมทั้งลดจำนวนคู่แข่งลง Uber ได้รับผลตอบแทนจากหุ้นของ Grab และดูเหมือนคนที่ได้ประโยชน์ในวงจรนี้ขั้นสูงสุดก็คือ SoftBank ที่เป็นเจ้าของทั้งคู่.. แล้วในมุมของเราที่เป็นผู้ใช้งานจะได้อะไร?
ถือเป็นกรณีที่น่าสนใจ เมื่อทางการของสิงคโปร์ สั่งปรับเงินผู้ให้บริการเรียกรถชื่อดัง ทั้ง Grab และ Uber รวมกันเป็นเงินถึง 13 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินราว 300 ล้านบาทไทย หลังควบรวมกิจการกัน ส่งผลเป็นการผูกขาดตลาด และมีการขึ้นค่าโดยสาร 10-15% คณะกรรมาธิการส่งเสริมการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภคของสิงคโปร์ (The Competition and Consumer Commission of Singapore - CCCS) มีมติปรับเงินบริษัททั้ง 2 ซึ่งควบรวมกิจการกันในเดือน มี. ค. ที่ผ่านมา โดย Uber ขายกิจการทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับ Grab แลกกับการที่บริษัทแรกเข้าถือหุ้นในบริษัทหลัง 27. 5% ผลคือทำให้ Grab กลายเป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งบริการเรียกรถถึง 80% ในสิงคโปร์ หนึ่งในเหตุผลที่ CCCS สั่งให้จ่ายค่าปรับ ได้อ้างถึงการที่ Grab ขึ้นค่าโดยสารราว 10-15% หลังการควบรวม ทำให้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ทั้ง Grab และ Uber ต่างออกมาปฏิเสธคำสั่งปรับเงินของ CCCS โดยยืนยันว่าทำทุกอย่างภายใต้กฎหมาย และปฏิเสธว่าไม่ได้ขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ 1 เดือน อ้างอิงจาก #Brief #TheMATTER
ศ. 2522 แต่อย่างไรก็ตาม Uber และ Grab ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจาก รถให้บริการเหล่านี้ไม่เรื่องมาก ผู้โดยสารสามารถเลี่ยงปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารได้ ที่มาเนื้อหาและภาพประกอบจาก: iPrice Thailand
แข่งกันบุกตลาดพม่า! การให้บริการแท็กซี่ผ่านแอพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเข้มข้นเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Grab และ Uber กำลังจะลุยตลาดพม่า Grab กล่าวว่ากำลังทำงานร่วมกับคนขับรถแท็กซี่กลุ่มเล็กๆและกำลังทดลองให้บริการกับลูกค้าในวงจำกัดเช่นกันเพื่อลองตลาด โดย Grab มีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาการให้บริการแทกซี่แก่ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการในประเทศพม่า ตั้งแต่ Grab ก่อตั้งมาในปี 2012 Grabได้ระดมทุนประมาณ 48, 000 ล้านบาท(1. 4 พันล้านเหรียญ) และมีมูลค่ากว่า 103, 000 ล้านบาท(3 พันล้านเหรียญ) Grab อ้างว่ามีคนขับกว่า 710, 000 คน ใน 39 เมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีผู้คนดาวน์โหลดแอพประมาณ 36 ล้านครั้ง โฆษกของ Uber กล่าวว่าบริษัทพอใจกับความร่วมมือจากรัฐบาลในย่างกุ้งและหวังว่าจะสามารถให้บริการในประเทศพม่าได้ในเร็วๆนี้ ท่านใดเคยใช้บริการ UBER หรือ GRABบ้างไหมและประสบการณ์การเรียกรถผ่านแอพเป็นไงบ้าง คุณคิดว่าบริการแท็กซี่ผ่านเทคโนโลยีมีผลดีหรือแย่ต่อสังคมมากกว่ากัน
4 แสนล้านบาท ด้วยการที่ขาดทุนมหาศาลเช่นนี้ การจะนำ UBER เข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมทุนจึงเป็นเรื่องยาก บริษัทจึงทำกลยุทธ์เดิมเหมือนกับเมื่อปี 2016 กับ Grab เช้าวันนี้ UBER ประกาศที่จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใน Grab 27.
ค. 59 คณะรัฐมนตรี เริ่มเปลี่ยนท่าทีเป็นการหาทางอยู่ร่วมกันระหว่าง Uber และ Grab กับแท็กซี่เดิม กระทั่งเดือน ก.
ลมกรด