ภาวะเครียดของเด็กๆ เกิดขึ้นได้ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ได้แก่ กรรมพันธุ์: หากพ่อแม่เป็นโรคเครียด จะยิ่งส่งผลให้ลูกมีโอกาสเครียด และวิตกกังวลได้ง่ายกว่าคนอื่น สภาพแวดล้อมรอบตัว: เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก หากเด็กๆ ได้รับความกดดัน เช่น ปัญหาครอบครัว ความคาดหวังจากพ่อแม่ รวมถึงปัญหาทางสังคมที่ต้องเผชิญ จะทำให้เด็กเกิดความเครียดได้โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง: โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนจะส่งผลต่อทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ จนเกิดเป็นความเครียดขึ้น พ่อแม่ควรเลี้ยงดูลูกอย่างไร ไม่ให้เกิดความเครียด?
สอนให้ลูกรู้จักการควบคุมตัวเอง นอกจากเข้าใจ รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง และมองเห็นผลกระทบจากการแสดงออกของเราต่อผู้อื่นแล้ว การสามารถควบคุมและจัดการอารมณ์ของตัวเอง และสามารถแสดงออกได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กมีบุคลิกที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี เช่น เมื่อเด็กเครียด เขาจะเริ่มทำความเข้าใจต่อความรู้สึกเครียดที่เกิดขึ้นในตัวเขา ก่อนที่จะหาวิธีจัดการและแสดงออกมาได้อย่างเหมาะสม เขาอาจเลือกที่จะพูดคุย ปรึกษา หรือระบายกับคุณพ่อคุณแม่ แทนการตะโกนหรือแสดงอารมณ์โมโหร้าย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเด็กได้ 7.
การรับฟังลูก ถ้าหากถามว่ามีวิธี เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข ไม่ให้เครียดหรือป้องกันไม่ให้ลูกเครียด คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มจากหมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมของลูกว่าเขาเปลี่ยนไปจากบุคลิกปกติของเขาหรือไม่ ควรรับฟังความคิดเห็นของลูก พูดคุยกับลูก ไม่ว่าเรื่องที่เขาเล่าอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับผู้ใหญ่แค่ไหนก็ตาม 2.
พ.
นาฬิกาชีวิต กับภาวะซึมเศร้า – ผลการวิจัยชี้ คนนอนดึก มักมีอาการซึมเศร้า เช็กหน่อย เราเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า? พร้อมวิธีรับมือ กับอารมณ์แปรปรวนสุดขั้ว ทำไมยิ่งแก่ยิ่งหลับน้อยลง หรือหลับยากขึ้นกว่าเดิม? ข้อดีของการนอนเปลือย – นอนเปลือย มีดีมากกว่าที่คิด เสื้อผ้าไม่ต้องใส่!
เช็กเลย!
อย่าดุด่าหรือตีลูก ในกรณีนี้หากเด็กมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ หรือเป็นคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหว สิ่งนี้อาจทำให้เกิดปมในใจของเด็กได้ว่า พ่อแม่ไม่รักเขา จนอาจทำให้เขามีอาการต่อต้านคุณพ่อคุณแม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือ 'ตั้งสติ' และใช้เหตุผลกับลูกให้มากที่สุด ควรเลิกเพิกเฉยต่อพฤติกรรมหรือการแสดงออกของเขาอย่างสมเหตุสมผล เพราะบางครั้งสิ่งที่ลูกต้องการอาจไม่ใช่แค่ความสนใจจากพ่อแม่ แต่เข้าอาจต้องการความเข้าอกเข้าใจด้วยเช่นกัน 4. ใช้เวลากับลูกให้บ่อย เข้าอกเข้าใจลูกให้มาก คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูก หรือทำกิจกรรมร่วมกันเป็นครอบครัว เพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวให้แน่นแฟ้น เมื่อลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดคุยหรือระบายความในใจให้คุณพ่อคุณแม่ฟังแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรรับฟังเรื่องเหล่านั้นไม่ว่าลูกเครียดเรื่องเรียน ปัญหาที่โรงเรียน หรือปัญหาอื่น ๆ ก็ตาม เมื่อนั้นคอยจังหวะที่เราจะได้ให้คำปรึกษาแก่ลูก และเข้าใจสภาพจิตใจและภาวะของลูกนั่นเอง 5. สอนให้ลูกรู้จักการตระหนักรู้ในตัวเอง การตระหนักรู้ในตัวเอง หมายถึงความสามารถในการเข้าใจ รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งสำคัญมาก หากคุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกค่อยๆ หัดทำความเข้าใจต่อความต้องการของตัวเอง รับรู้และแยกแยะความรู้สึกของตัวเองได้ ความตระหนักรู้นี้จะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมีเหตุผล รักตัวเอง มองเห็นข้อดีในตัวเอง มองเห็นจุดที่ยังสามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้ และเข้าใจผลกระทบของการแสดงออกนั้น ๆ ได้ว่าส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไรบ้าง 6.
บนแอป Raksa ความเครียด เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำเป็นต้องเกิดกับผู้ใหญ่เท่านั้น เพราะฉะนั้น เด็กๆ ก็สามารถตกอยู่ในภาวะเครียดได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ เด็กจะไม่เข้าใจภาวะเครียด ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาและไม่รู้วิธีจัดการกับความเครียดได้เหมือนกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงนี้ปัจจัยต่างๆ ทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการกักตัวอยู่บ้าน เปลี่ยนมาเรียนออนไลน์ ไม่ได้ออกไปเจอสังคมเช่นนี้ ทำให้เด็กๆ ต้องปรับตัวจนเกิดความเครียดมากขึ้น ดังนั้น พ่อแม่จึงควรหมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมว่าลูกกำลังตกอยู่ในภาวะเครียดหรือไม่!?
Home > 5 อาการ ที่บอกว่าคุณ "เครียด" เกินไปแล้ว เพราะความเครียด ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อจิตใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพกายอีกด้วย ซึ่งนี่คือ 5 อาการเตือนจากร่างกายที่บอกว่า คุณกำลัง "เครียด" เกินไปแล้ว!