จะทำ การตลาดออนไลน์ หากไม่รู้หลักการด้านการตลาดก็ยากยิ่งนักที่จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในสมัยนี้ที่การค้าออนไลน์กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ใครที่พอจะมีหลักหรือรู้หลักการอยู่บ้าง คนนั้นย่อมได้เปรียบและย่อมดีกว่าคนที่ไม่รู้หลักอะไรเลย ผู้ประกอบการ SMEs ที่หวังให้ธุรกิจของตนประสบความสำเร็จก็เช่นกัน ทฤษฎีการตลาด 4. 0 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการรายเล็กควรเรียนรู้ไว้เพื่อใช้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเพื่อเพิ่มโอกาสอยู่รอดเมื่อต้องแข่งขันกับรายใหญ่ๆ หลักทฤษฎีการตลาด 4. 0จะช่วย SMEs เพิ่มยอดขายได้อย่างไรเราตามมาดูไปพร้อมๆกันครับ หลักทฤษฎีการตลาด 4. 0 ช่วย SMEs เพิ่มยอดขายได้อย่างไร ทฤษฎี 5A ลำดับพฤติกรรมผู้บริโภคการประยุกต์เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs Philip Kotler คือปรมาจารย์ด้านการตลาดเจ้าของทฤษฎีการตลาด 4.
0 สิ่งที่ถือเป็นหัวใจหลักในการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ของคุณกับลูกค้าก็คือ "คอนเทนต์"ครับ เพราะหากคุณมีคอนเทนต์ที่ดีพอ นอกจากจะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ตามพฤติกรรมข้อที่ 1 หรือทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจดังพฤติกรรมที่ 2 คอนเทนต์ที่ทรงพลังและดีจริงๆ จะสามารถทำให้ลูกค้าข้ามพฤติกรรมข้อที่ 3 หรือการซักถามไปสู่การซื้อสินค้าได้เลย เพราะคอนเทนต์ที่ดีจะเป็นตัวแทนที่อธิบายตัวตนและรายละเอียดของแบรนด์และสินค้าได้อย่างครบถ้วนแล้วนั่นเอง การตลาด 4. 0 เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อผู้ประกอบการ SMEs เป็นอย่างมากเพราะหลักของทฤษฎีนี้จะช่วยตอบโจทย์และอธิบายพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อผู้ที่ต้องการนำไปประยุกต์ใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ต่อไปครับ อย่าลืมนะครับว่าการรู้หลักรู้ทฤษฎีก็เป็นเสมือนเข็มทิศชี้นำทางเดินให้ก้าวต่อไปได้ง่ายขึ้นกว่าผู้ที่ไม่รู้หลักอะไรเลย หากอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทฤษฎีการตลาด 4. 0 คือสิ่งที่จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน บริการอบรม ให้คำปรึกษา Content Marketing ทั้งแบบรูปแบบองค์กร กลุ่ม และ ตัวต่อตัว บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing, การโฆษณา Facebook, การโฆษณา Tiktok, การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google บริการดูแลระบบการตลาดออนไลน์ให้ทั้งระบบ ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id: @taokaemai รับชมคลิป VDO ความรู้ด้านการตลาด กรณีศึกษาธุรกิจ แหล่งเงินทุนน่าสนใจ ติดตามได้ที่ช่อง Youtube: Taokaemai เพื่อนคู่คิดธุรกิจ SME
0 นี้ การแบ่งแยกอุตสาหกรรมต่างๆ ออกจากกันอย่างสิ้นเชิงนั้น กำลังจะหายไป การรวมตัว และการหลอมรวมกันของอุตสาหกรรมตั้งแต่ 2 ประเภทขึ้นไปจะมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายเดียวกันคือ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้านั่นเอง สังเกตุง่ายๆ ผมขอยกตัวอย่าง บัตรเครดิตก็แล้วกันน่ะครับ สมัยก่อนบัตรเครดิต หากเป็นของธนาคารใด ก็จะเป็นของธนาคารนั้นๆ ไป แต่ในยุคการตลาดที่ 4. 0 นี้คุณจะเริ่มเห็น การรวมตัวกันของพันธมิตรบัตรเครดิตมากขึ้น เช่นบัตรเครดิต Visa ของค่าย ธนาคารกสิกรไทย ที่รวมกับ PTT Blue Card ของ ปตท. สามารถรับสิทธิพิเศษในการเติมน้ำมัน หรือดื่มกาแฟตามปั้มน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศเป็นต้น 2. การแข่งขันทางการตลาด เปลี่ยนจากแนวดิ่ง เป็นแนวระนาบ อย่าเพิ่ง งง ไปน่ะครับ ผมกำลังหมายถึงอะไร คิดภาพตามครับ เทคโนโลยีอินเตอร์ทำให้เกิด ปรากฎการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้ว คือ สนามการแข่งขันระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดเล็ก เกิดความเท่าเที่ยมกัน ข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดของบริษัทใหญ่ๆ จะไม่ได้เปรียบ ธุรกิจขนาดเล็กอีกต่อไปแล้ว ขนาดของธุรกิจ จะไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการแข่งขันอีกต่อไป ต่อไปนี้ ยุคการตลาด 4.
0 (Marketing 4. 0) ยุคที่ยึดพื้นฐานมาจากคนทุกๆคนที่ต้องมีการช่วยเหลือ ร่วมมือ สนับสนุนซึ่งกันและกัน (Co-Creation) ให้ความสำคัญกับการหา ความต้องการที่แท้จริง (Insight) และแนวทางหรือการเดินทางของผู้บริโภคในตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ (Customer Journey) การตลาดที่จำเป็นต้องผสมผสานกันตั้งแต่การตลาดแบบดั้งเดิม การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ รวมไปถึงโซเชียล มีเดีย ที่ต้องมีความสอดคล้องกันเชื่อมกันอย่าง ไร้รอยต่อ (OMNI Channel) การตลาด 4. 0 นับเป็นยุคของดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำเอาเทคโนโลยี แพลตฟอร์มต่างๆที่อำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าหรือบริการมาใช้ และเน้นหนักในเรื่องของ การสร้างคอนเทนต์ (Content) ที่หลากหลาย เป็นประโยชน์และมีความแตกต่าง แนวคิดทางการตลาดก็เปลี่ยนไปผู้บริโภคมีความซับซ้อนกว่ายุคก่อนๆ เกิด กลยุทธ์การตลาด 5A ขึ้น ได้แก่ การสร้างความรับรู้ (Awareness) ดึงดูดความสนใจ (Appeal) ถามหาแบรนด์ของเรา (Ask) ตัดสินใจซื้อ (Act) และบอกต่อ (Advocacy) ยุค 4.
บริษัทไม่ได้เน้นกำไรสุดโต่ง คือไม่ได้เริ่มจากจุดประสงค์หากำไร แต่เริ่มจากการหาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น ชุมชนและสังคม และแบ่งปันผลกำไรที่ได้รับ 2. ผู้บริหารได้รับค่าตอบแทนอย่างงาม โดยปกติซีอีโอจะได้ผลตอบแทน 30-45 เท่าของเงินเดือนพนักงานทั่วไป แต่ซีอีโอบางบริษัทจะได้รับผลตอบแทนสูงมากเกินไป เพราะให้ความสำคัญกับซีอีโอมาก เช่น ซีอีโอบริษัทญี่ปุ่น จะได้ผลตอบแทนประมาณ 100 เท่าของพนักงานธรรมดา ส่วนสหรัฐอเมริกาจะจ่ายประมาณ 350 เท่าของพนักงานธรรมดา อย่างไรก็ตาม ซีอีโอบางบริษัทก็พอใจที่จะรับผลตอบแทนไม่สูงมาก 3. เปิดช่องทางให้พนักงานและลูกค้าสามารถส่งเรื่องร้องเรียนถึงผู้บริหารได้โดยตรง เช่น การใช้ direct mail เป็นต้น เนื่องจากบริษัทจะปรับปรุงได้อย่างไร ถ้าไม่รับฟังเสียงสะท้อนของผู้มีส่วนได้เสีย 4. จ่ายผลตอบแทนพนักงานให้คู่แข่ง และมีการฝึกอบรม นั่นคือต้นทุน แต่เขาก็จะได้พนักงานที่ดี ทุ่มเทให้บริษัท การลาออกน้อยกว่าคู่แข่ง และในระยะยาวแล้ว ต้นทุนที่จ่ายไปจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มกว่า 5. จ้างคนทำงานที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ลูกค้าประทับใจ โดยพนักงานต้องมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน เพราะถ้าพนักงานไม่เคยห่วงใยกันเลย แล้วจะไปห่วงใยลูกค้าได้อย่างไร 6.
การขายผ่านหน้าร้านจริงๆ โดยเน้นการจัดหน้าร้านที่โดดเด่นที่สามารถสัมผัสด้วยประสาททั้งห้า สินค้าบางชนิดยังคงต้องการทดลองด้วยประสาทสัมผัสก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เช่น หูฟัง โทรทัศน์ แม้ว่าเราจะสามารถเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้ผ่านทาง Online ได้ แต่การหลายครั้ง การทดสอบด้วยตนเองนั้นจะตรงกับความต้องการมากกว่า เพราะการซื้อของทาง Online ไม่สามารถ ฟังเสียงของหูฟังได้ หรือสีของจอภาพความคมชัดของโทรทัศน์ได้ 4.
กันเถอะ คำนิยม "โลกเทคโนโลยีทุกวันนี้หมุนเร็วมาก การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นเร่งขับดันให้การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ตามมาอย่างรวดเร็ว ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีพื้นฐานอ้างอิงเพื่อช่วยให้นักการตลาดก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างถูกต้อง การตลาด 4. 0 เล่มนี้จะเปนหลักหมุดและจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นแหล่งข้อมูลล้ำค่าเพื่อให้ทุกคนเข้าใจและร่วมมือกันสร้างสรรค์อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ต่อไป" ฮาวเวิร์ด ทันแมน - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Chicagoland Entrepreneurial Center/1871 "อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศพลิกโฉมการตลาดอย่างใหญ่หลวง หนังสือเล่มนี้เป็ดโลกทัศน์ใหม่สำหรับการตลาดในยุคใหม่" แฮร์มันน์ ซิโมน - ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท Simon-Kucher & Partner "ไม่มีใครจะรอบรู้เรื่องการตลาดเหมือนฟิล คอตเลอร์ เขาเก่งกาจในการมองและตีความแนวโน้ม รวมทั้งพัฒนาการใหม่ ๆ ด้านการตลาด การตลาด 4. 0 เป็นผลงานอีกเล่มหนึ่งที่คอตเลอร์ และผู้ร่วมเขียนร่วมกันจุดประกายแนวทางใหม่ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จทางการตลาด เป็นหนังสือการตลาดที่คุณต้องอ่านในปีนี้" ศาสตราจารย์ เควิน เลน เคลเลอร์ - คณะบริหารธุรกิจ (Tuck School of Business) มหาวิทยาลัยดาร์ตมัธ "คู่มือที่จะนำคุณไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมที่กำลังเข้ามาเขย่าวงการตลาด นักการตลาดที่ยังงุนงงอยู่จะได้เรียนรู้วิถีทางในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของพลังต่าง ๆ รวมทั้งการเชื่อมโยงถึงกันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล แล้วเปลี่ยนความท้าทายเหล่านั้นให้เป็นข้อได้เปรียบของตน" ศาสตราจารย์กิตติคุณ จอร์จ เอส.