ทั้งสิ้น ทั้งนี้ คำร้องยังระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ. ร. ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงขอให้ กกต. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมสั่งระงับการประกาศคะแนนเลือกตั้ง ส. แบบแบ่งเขต และการประกาศผลการจัดสรร ส. บัญชีรายชื่อไว้ จนกว่าจะมีการวินิจฉัยแล้วเสร็จ และขอให้มีคำสั่งยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ด้วย
ข้อห่วงใยการเจรจาพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อน"ไทย-กัมพูชา" เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่ไทยยอมรับว่าเป็น"พื้นที่ทับซ้อน" อาจนำไปสู่การสูญเสียอธิปไตยของชาติได้ 3. การประมูลแหล่งปิโตรเลียม "เอราวัณและบงกช" อาจจะส่อว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน เช่น การไม่ส่งเสริมให้มีการแข่งขันในระบบสัญญาจ้างบริการ เป็นต้น 4. การนำหุ้นของบริษัท PTTOR เข้าขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินบริษัท 5. การปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ เรื่องการผลิตไฟฟ้าของรัฐ ที่ต้องปรับแผน PDP 2018 ให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของรัฐ ต้องไม่ลดลงต่ำกว่า 51% และควรปรับนโยบายให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าได้ เช่น โซลาร์รูฟ และขายกระแสไฟฟ้าได้ในราคาที่สมเหตุสมผล 6. ขอให้เร่งรัดการตรวจสอบการทุจริต "โรลส์-รอยซ์" ซึ่งเป็นกรณีข่าวการทุจริตเกิดขึ้นในรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน แม้จะคุยกันเรื่องหนักๆ แต่บรรยากาศในการหารือกลับเป็นกันเองอย่างยิ่ง... หลังการหารือ "รัฐมนตรีสนธิรัตน์" พูดชัดเจนกับนักข่าวว่า พร้อมรับข้อเสนอทั้งหมดของ คปพ. ไว้พิจารณา ทั้งโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซหุงต้ม, ข้อห่วงใยการเจรจาพัฒนาปิโตรเลียม ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา พร้อมบอกอีกว่า จะเชิญ คปพ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกระแสข่าว ตัวแทนของพรรค พลังประชารัฐ ได้เข้าพูดคุยกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เพื่อรวมตัวในการจัดตั้งเป็นรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวลือดังกล่าว ชาวโซเชียลได้ออกมาถามหาจุดยืนของนายมิ่งขวัญอีกครั้ง ทำให้ #ลุงมิ่งโป๊ะแตก #มิ่งขวัญ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ (Twitter Trend) อยู่ในอันดับที่ 1 ซึ่งกระแสดังกล่าว มาจากรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ ในความคืบหน้าการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล แม้ยังต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสูตรคำนวณ ส. ส. แบบบัญชีรายชื่อ แต่เบื้องต้นพรรคยึดสูตรคำนวณใกล้เคียงกับของ กกต. คือทุกคะแนนมีค่า โดยพรรคเล็กได้รับจัดสรรเก้าอี้ด้วย สูตรนี้ทำให้คำนวณเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยเฉพาะการโหวตนายกฯ ที่พรรคพลังประชารัฐต้องการชนะโดยได้เสียง ส. เกินครึ่งคือ 251 เสียงขึ้นไป เพื่อสร้างความชอบธรรมว่าสามารถรวบรวมเสียงได้มากกว่าอีกขั้ว เมื่อนำมารวมกับ ส. ว. อีก 250 เสียงจะทำให้เสียงโหวตเลือกนายกฯ ชนะท่วมท้น และสามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ และจากการประเมินตัวเลขล่าสุด เสียงพรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง เวลานี้ที่มาแน่คือกลุ่มของนายถาวร เสนเนียม จำนวน 35 เสียง ที่เหลือยังต้องรอการตัดสินใจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ แต่หากประชาธิปัตย์ตัดสินใจมาทั้งหมด 52 คน ก็ถือว่าจบ เมื่อรวมกับภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 เสียง พรรครักษ์ผืนป่า 2 เสียง พรรคเล็กที่ได้ ส.
ไม่พึงประสงค์อยากให้มาอยู่ร่วมด้วย... นั่นเพราะ คนคุ้นเคยในพปชร. สมัยยังช่วยกันทำงานให้ "พรรคทักษิณ ชินวัตร" ปัจจุบันเป็นแกนหลักในพรรคพปชร. รู้ไส้รู้พุงลุงมิ่งเป็นอย่างดี ทราบดีว่า มิ่งขวัญ เป็นคน "เยอะ"และ มีความทะเยอทะยานสูง ร่วมงานกับใครยาก หรือพูดง่ายๆ "ไม่มีใครอยากคบ! " ดังนั้น การลาออกของ"มิ่งขวัญ" หาใช่ความสมัครใจ เจตนาที่อยากจะลาเพราะภารกิจเสร็จสิ้นตามที่อ้าง แต่ถูกบีบให้ออกเพื่อเปิดทางให้พรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่... "ลุงมิ่ง" ไม่ได้อยากลาเอง แต่จำเป็นต้องกระเด็นออกจากหัวหน้าพรรคต่างหาก ร้อนถึง"นายภูมิธรรม เวชยชัย" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ต้องรีบบล็อกกระแสนี้ทันที โดยอ้างว่าได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายมิ่งขวัญ แล้ว ทราบว่าการลาออกเกิดจากปัญหาภายในของพรรคเศรษฐกิจใหม่ และยืนยันว่า จะไม่ส่งผลต่อ ส. 6 คน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ยังคงสนับสนุน"พรรคเพื่อไทย" ไม่ว่า สถานการณ์จะพลิกไปทางใด ขั้วไหน... ที่แน่ๆ หัวหน้าลาออกไปทาง ลูกพรรคยังคงร่ำร้องทวงเงินหาเสียง โดยที่สำนักงานกกต. เมื่อวานนี้ "นายอังกฤษฎา ราวินิช" ผู้สมัครส. เขต 1 จังหวัดอุดรธานี พรรคเศรษฐกิจใหม่ เดินทางมาขอคำปรึกษาทางกฎหมาย และขอความเป็นธรรมจากกกต.
แบบแบ่งเขต และการประกาศผลการจัดสรร ส. บัญชีรายชื่อไว้ จนกว่าจะมีการวินิจฉัยแล้วเสร็จ และขอให้มีคำสั่งยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ด้วย. อ่านเพิ่มเติม...